วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รัชกาลที่ 10

  • GLE+
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประวัติรัชกาลที่10


พระราชประวัติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ทรงพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2495 เวลา 17 นาฬิกา 45 นาที ตรงกับ วันจันทร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 9 ปีมะโรง จัตวาศก อธิกวาร จุลศักราช 1314 นับเป็นปีที่ 7 แห่งการเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐภคินี 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
เมื่อทรงเจริญพระชนมายุได้ 1 เดือน กับ 18 วัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกอบพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ เมื่อวันที่ 14 และวันที่ 15 สิงหาคม พุทธศักราช 2495 ประกอบพระราชพิธี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทั้งพิธีพราหมณ์ พิธีสงฆ์ และถวายแห่กล่อม ในพระราชพิธีนี้ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ได้มีพระลิขิตไปถวายพระพรชัยมงคลในนามแห่งคณะสงฆ์ไทย เนื่องในอภิลักขิตสมัยมหามงคลสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ด้วย
ต่อมาเมื่อทรงเจริญพระชนมายุได้ 1 พรรษา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชทานพระนาม ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นผู้ตั้งถวายตามดวงพระชะตาว่า
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ
เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ
บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ
เทเวศรธำรงสุบริบาล
อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช
ภูมิพลนเรศวรางกูร
กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์
บรมขัตติยราชกุมาร
ทรงอธิบายเป็นพระมงคลนามตามพระราชตระกูล คือได้อัญเชิญพระนามฉายาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นพระไปยิกาธิราช ซึ่งปรากฏในขณะทรงพระผนวชว่า วชิรญาณะŽ ผนวกกับ อลงกรณ์Ž จากพระนาม จุฬาลงกรณ์Ž ของรัชกาลที่ 5
ทรงเข้าศึกษาชั้นอนุบาลปีที่ 1 เมื่อเดือนกันยายน พุทธศักราช 2499 เมื่อพระชนมายุ 4 พรรษา ณ โรงเรียนจิตรลดาชั้นอนุบาล ตั้งอยู่ ณ พระที่นั่งอุดร ในพระราชวังดุสิต ต่อมาโรงเรียนย้ายไปตั้งในบริเวณพระราชฐานสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ทรงศึกษาจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จึงเสด็จไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ
ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน พุทธศักราช 2509 ทรงเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนคิงสมีด เมืองซีฟอร์ด แคว้นชัสเชกส์ ประเทศอังกฤษ และในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั้น ได้เสด็จฯไปทรงศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลล์ฟิลด์ เมืองสตรีท แคว้นซัมเมอร์เซท ประเทศอังกฤษ จนถึงเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช 2513
เสด็จฯไปทรงศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่ประเทศอังกฤษ
เมื่อเดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2513 ทรงเข้ารับการศึกษาระดับเตรียมทหารที่โรงเรียนคิงส์ เขตพารามัตตา นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทรงศึกษาอยู่จนถึงเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2514
เข้ารับการศึกษาระดับเตรียมทหารที่ประเทศออสเตรเลีย
พุทธศักราช 2515 ทรงเข้าศึกษาในวิทยาลัยการทหารชั้นสูงที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา นับตั้งแต่ภาคแรกแห่งการศึกษาเป็นต้นไป หลักสูตรของวิทยาลัยการทหารแห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ ภาควิชาการทหาร รับผิดชอบและดำเนินการโดยกองทัพบกออสเตรเลีย นักเรียนที่สำเร็จตามหลักสูตรนี้จะได้เป็นนายทหารยศร้อยโท ส่วนอีกภาคหนึ่งเป็นการศึกษาวิชาสามัญ ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลล์ รับผิดชอบการวางหลักสูตร แบ่งออกเป็นสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ นักเรียนนายร้อยที่ผ่านหลักสูตรดังกล่าวจะได้รับปริญญาตรีตามสาขาวิชาที่เลือกศึกษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเลือกศึกษาในสาขาวิชาอักษรศาสตร์
ทรงสำเร็จการศึกษาเมื่อพุทธศักราช 2519

สำหรับการศึกษาอบรมทางการทหาร พุทธศักราช 2519 ทรงเข้ารับการฝึกเพิ่มเติมและทรงศึกษางานด้านการทหารในประเทศออสเตรเลีย โดยทุนของกระทรวงกลาโหม และทรงประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษที่นครเพิร์ท รัฐออสเตรเลียตะวันตก ประเทศออสเตรเลีย
เมื่อพุทธศักราช 2515 เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 20 พรรษา ทรงบรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ให้ดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารŽ ตามโบราณขัตติยราชประเพณี
นับแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงมีอุปนิสัยโปรดความมีระเบียบวินัย และสนพระราชหฤทัยในกิจการเกี่ยวกับกองทัพอยู่เสมอ ได้เสด็จไปทรงเยี่ยมที่ตั้งกองทหารหน่วยต่างๆ ทรงเอาพระทัยใส่ในความเป็นอยู่ของทหารและตำรวจเป็นนิจ ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จจากประเทศอังกฤษไปทรงศึกษาต่อในวิชาการทหาร ณ ประเทศออสเตรเลีย
เดือนสิงหาคม พ.ศ.2513 ทรงเข้ารับการศึกษาระดับเตรียมทหารที่โรงเรียนคิงส์ เขตพารามัตตา นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย ต่อมาทรงเข้าศึกษาในวิทยาลัยทหารชั้นสูงที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา ต่อมา พ.ศ.2520-2521 ทรงเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
พ.ศ.2527-2530 ทรงศึกษาด้านกฎหมาย ทรงได้รับปริญญานิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
พ.ศ.2533 ทรงเข้ารับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งราชอาณาจักร
พ.ศ.2519 ทรงเข้ารับฝึกเพิ่มเติมและทรงศึกษางานด้านการทหารในประเทศออสเตรเลีย โดยทุนของกระทรวงกลาโหม และทรงประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษที่นครเพิร์ท รัฐออสเตรเลียตะวันตก ประเทศออสเตรเลีย ทรงรับการฝึกอบรมหลักสูตรทางการทหารและการบิน ได้แก่ หลักสูตรวิชาอาวุธพิเศษ การทำลายและยุทธวิธีการรบนอกแบบ หลักสูตรต้นหนชั้นสูง หลักสูตรการลาดตระเวนและต้นหนชั้นสูง และหลักสูตรส่งทางอากาศ
ระหว่างเดือนธันวาคม พ.ศ.2522-มกราคม 2523 ทรงเข้าศึกษาหลักสูตร
การบินเฮลิคอปเตอร์โจมตีแบบเอ เอช-1 เอช คอบรา ของบริษัทเบลล์ จำนวนชั่วโมงบิน 1 ชั่วโมง
เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2523 ทรงเข้าศึกษาหลักสูตรการบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ ยู เอช-1 เอช และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบยู เอช-1 เอ็น ของบริษัทเบลล์ จำนวนชั่วโมงบิน 249.56 ชั่วโมง
เดือนกันยายน-ตุลาคม ปีเดียวกัน ทรงเข้ารับการศึกษาหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธ ของกองทัพบกไทย จำนวนชั่วโมงบิน 54.50 ชั่วโมง
เดือนธันวาคม 2523-กุมภาพันธ์ 2524 ทรงเข้ารับการศึกษาหลักสูตรการฝึกบินเครื่องบินปีกติดลำตัว แบบ Siai-Marchetti SF 260 MT จำนวนชั่วโมงบิน 172.20 ชั่วโมง
เดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2524 ทรงเข้ารับการศึกษาหลักสูตรการฝึกบินเครื่องบินปีกติดลำตัวแบบ Cessna T-37 จำนวนชั่วโมงบิน 240 ชั่วโมง
ทรงยึดแนวทางการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการดูแลช่วยเหลือราษฎรในเรื่องปัญหาดินและน้ำในลักษณะต่างๆ โดยมีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาแหล่งน้ำในหลายพื้นที่ เช่น ศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาด้านเกษตรกรรมเกษตรกรวิชญา บ้านกองแหะ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โครงการพัฒนาพื้นที่บ้านกูแบสีรา อ.ยะรัง จ.ปัตตานี การสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมระบบส่งน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำให้ราษฎรหลายหมู่บ้านใน ต.หนองแคน และ ต.ดงมอน อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร
นับตั้งแต่ พ.ศ.2553 เป็นต้นมา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงทำการบินเที่ยวบินมหากุศลในตำแหน่งนักบินที่ 1 เที่ยวบินพิเศษของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำคณะพุทธศาสนิกชนไปสักการะปูชนียสถานสำคัญ ทรงบริจาคพระราชทรัพย์เพื่อประโยชน์ทางศาสนา จึงมีผู้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินเพื่อสมทบทุนเพื่อการกุศลอื่นๆ เป็นจำนวนมาก
ซึ่งเมื่อ พ.ศ.2555 เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2555 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทำการบินเที่ยวบินมหากุศล เส้นทางไปกลับกรุงเทพฯ-ขอนแก่น เที่ยวบินพิเศษ TG 8866 นำคณะพุทธศาสนิกชนจำนวน 113 คน ไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดป่าวิเวกธรรม อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น รายได้จากการจำหน่ายบัตรและเงินบริจาคสมทบจากผู้มีจิตศรัทธาครั้งนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อสมทบทุน มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.)Ž
ปี 2558 มีกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นั่นคือเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม มีกิจกรรม Bike for Mom-ปั่นเพื่อแม่Ž กิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 12 สิงหาคม 2558 โดยมีวัตถุประสงค์การจัดงานเพื่อให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นการร่วมแสดงออกของประชาชนถึงความรักที่มีต่อแม่และแม่ของแผ่นดิน เพื่อให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติอย่างทั่วถึง และเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ที่จะร่วมกันจัดกิจกรรมถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในการร่วมออกกำลังกาย ทำให้สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ปลูกฝังให้ประชาชนรักการออกกำลังกาย และเสริมสร้างความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา อีกทั้งได้นำกิจกรรมดังกล่าวไปต่อยอดขยายผลต่อไป
หลังจากนั้น วันที่ 11 ธันวาคม 2558 มีกิจกรรม ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DADŽ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 และทรงนำขบวนพสกนิกรผู้เข้าร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชปณิธานที่จัดกิจกรรมจักรยานถวายพระเกียรติ และถวายความจงรักภักดีเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร่วมกับพสกนิกรชาวไทย เพื่อถวายเป็นราชสดุดี โดยเป็นประธานนำขบวนในวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2558 เพื่อเฉลิมพระเกียรติและแสดงความจงรักภักดี และกตัญญูกตเวทีต่อพระมหากษัตริย์ ร่วมเทิดพระคุณพ่อและ เพื่อความสามัคคีของชาวไทยทั้งชาติ

นี่คือส่วนหนึ่งของพระราชกรณียกิจใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ทรงมีคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อชาวไทยตลอดมา
ภาพประกอบจาก หนังสือ “๗๐ สัมพัจฉร์ฉลองรัชธรรมราชา” กวีนิพนธ์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี พิมพ์ครั้งที่ 1 พุทธศักราช 2559 โดยกรมศิลปากร

รัชกาลที่9

พระมหากษัตริย์ในสมัยรัตนโกสินทร์

รัชกาลที่ 9 : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระนามเดิมว่า “พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช” ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (ต่อมาได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) และหม่อมสังวาลย์ เสด็จพระราชสมภาพ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาลเมานท์ออเบิร์น รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ปัจจุบันทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เสวยราชย์นานที่สุดในโลกที่มีพระชนมชีพอยู่ และยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย โดยจะมีพิธีเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 70 ปี ในปี พ.ศ. 2559

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบพระราชกรณียกิจอย่างมากมาย ซึ่งล้วนแต่สร้างคุณอนันต์ให้แก่ราษฎรชาวไทย พระราชทานโครงการในพระราชดำริกว่า 2,000 โครงการ เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย ทรงตรากตรำพระวรกายทรงงานอย่างไม่เคยเหน็ดเหนื่อย แม้ในยามที่ประเทศไทยประสบกับภาวะเศรษฐกิจอย่างหนัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 พระองค์ก็ได้พระราชทานแนวคิดเรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียง" และ "เกษตรทฤษฎีใหม่" เพื่อให้พสกนิกรได้พึ่งพาตนเองและใช้ชีวิตอยู่บนความพอเพียง จนได้รับการยกย่องจากสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จด้านการพัฒนามนุษย์ (UNDP Human Development Lifetime Achievement Award) เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2549

          ในด้านพระปรีชาสามารถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปี่ยมไปด้วยพระอัจฉริยภาพทั้งในด้านดนตรี กีฬา และด้านภาษา พระองค์พระราชนิพนธ์บทเพลงไว้มากกว่า 40 เพลง และพระราชนิพนธ์งานเขียนถึง 18 ชิ้น ในด้านกีฬา พระองค์โปรดกีฬาเรือใบเป็นพิเศษ โดยทรงเป็นตัวแทนของประเทศไทยแข่งเรือใบในกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 9-16 ธันวาคม พ.ศ. 2510 ซึ่งในครั้งนี้พระองค์ทรงชนะเลิศเหรียญทอง โดยทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลเหรียญทองจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

          ณ ขณะนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับ ณ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเข้ารับการถวายการดูแลพระพลานามัย และทุกครั้งที่พระองค์เสด็จฯ ออกจากที่ประทับ เหล่าพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศจะเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จฯ เพื่อชื่นชมพระบารมี พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญให้พระองค์หายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สถาบันพระปกเกล้า
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร

รัชกาลที่ 8

พระมหากษัตริย์ในสมัยรัตนโกสินทร์

รัชกาลที่ 8 : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล


          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล หรือพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงเป็นพระโอรสองค์แรกของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) กับหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468 ณ โรงพยาบาลเมืองไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมนี และเสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 ขณะพระชนมพรรษาได้ 8 ปี 5 เดือน 11 วัน

          ในช่วงรัชสมัยของพระองค์ อยู่ในช่วงภาวะสงคราม ทั้งสงครามอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา จึงทำให้โดยส่วนใหญ่แล้วพระองค์จะประทับอยู่ในต่างประเทศเพื่อทรงศึกษาเล่าเรียน โดยเสด็จนิวัติกลับประเทศไทยครั้งแรกหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 ขณะนั้นพระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาเพียง 13 พรรษา และครั้งที่ 2 ในวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2488 โดยในการเสด็จนิวัติประเทศไทยครั้งที่ 2 พระองค์ได้เสด็จฯ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาล 

          ในช่วงที่พระองค์ประทับอยู่ในประเทศไทย พระองค์ได้เสด็จฯ ไปเยี่ยมเยียนราษฎรในหลายจังหวัด และพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้เสด็จประพาสสำเพ็ง ซึ่งถือเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างคนไทยและคนจีนหลังจากเกิดความร้าวฉาน

          จนกระทั่งในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ก่อนถึงกำหนดการเสด็จฯ กลับไปศึกษาต่อระดับชั้นปริญญาเอก พระองค์ได้เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืนในที่บรรทม ขณะมีพระชนมพรรษาเพียง 20 ปี 9 เดือน รวมระยะเวลาครองสิริราชสมบัติทั้งสิ้น 12 ปี

รัชกาลที่ 7

พระมหากษัตริย์ในสมัยรัตนโกสินทร์

รัชกาลที่ 7 : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

          พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ฯ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436 และเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมพรรษาได้ 32 พรรษา ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 

          ในช่วงตลอดรัชสมัย พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจมากมาย ทั้งในด้านการศึกษาและศาสนา ซึ่งในด้านการศึกษาพระองค์ได้ทรงปฏิรูประบบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย และทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์แรกที่เสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตร ส่วนในด้านศาสนา พระองค์ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้จัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับอักษรไทยสมบูรณ์ ที่มีชื่อเรียกว่า "พระไตรปิฎกสยามรัฐ"

          พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายในระบอบการปกครองสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระองค์ได้มีพระราชดำริที่จะมอบประชาธิปไตยให้กับประชาชน แต่ในช่วงการร่างรัฐธรรมนูญ กลับทรงถูกคัดค้านจากขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายคน จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ฉบับแรกของประเทศไทย ในวันที่ 10 ธันวาคม พุทธศักราช 2475

          หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศในแถบยุโรป และประทับที่ประเทศอังกฤษเพื่อทรงเข้ารับการผ่าตัดและรักษาพระเนตร ทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่  2 มีนาคม พ.ศ. 2477 รวมเวลาครองราชสมบัติ 9 ปี 3 เดือน 4 วัน และประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษจนสวรรคตเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2484 ขณะพระชนมมายุ 48 พรรษา

รัชกาลที่ 6

พระมหากษัตริย์ในสมัยรัตนโกสินทร์

รัชกาลที่ 6 : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

          พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 29 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 และได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร หลังจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตในวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2437 ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตในวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 พระองค์ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 6 ในพระบรมราชจักรีวงศ์

          หลังจากพิธีบรมราชาภิเษก พระองค์มีพระราชดำริที่จะพัฒนาประเทศให้ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ และด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์จึงได้ทรงวางแผนในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ทั้งในด้านการศึกษา พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติประถมศึกษา และประกาศให้การศึกษาในระดับชั้นประถมเป็นการศึกษาภาคบังคับ และอีกหนึ่งพระราชกรณียกิจที่สำคัญคือ พระองค์มีพระราชดำริให้เปลี่ยนแปลงธงชาติจากเดิมที่มีรูปช้าง เป็นธงไตรรงค์แบบในปัจจุบัน ทรงส่งทหารไปฝึกยังต่างประเทศ และไปร่วมรบในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 1 อันเป็นที่มาของการแก้ไขสนธิสัญญาเบาว์ริงในเวลาต่อมา 

          นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเห็นว่าประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้ จึงทรงให้จัดตั้งองค์การลูกเสือและเสือป่าขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมให้มีการจัดตั้งดุสิตธานีขึ้นเพื่อทดลองการปกครองแบบ ประชาธิปไตย และนำผลที่ได้มาปรับใช้ในการบริหารประเทศ ส่วนในด้านเศรษฐกิจ ทรงจัดตั้งคลังออมสินขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ฝึกการเก็บสะสมทรัพย์ ยกเลิกการพนันบ่อนเบี้ยทุกชนิด และทรงจัดตั้งบริษัทปูนซีเมนต์ไทยขึ้นเพื่อใช้ในการก่อสร้างบ้านเมือง ไม่เพียงเท่านั้นพระองค์ยังทรงพัฒนาด้านการคมนาคม โดยการปรับปรุงและขยายกิจการรถไฟให้ครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งพระราชทานนามสกุลเพื่อให้คนไทยมีนามสกุลใช้

          พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตด้วยพระโรคพระโลหิตเป็นพิษในพระอุทร เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง ขณะพระชนมพรรษา 45 พรรษา รวมระยะเวลาครองสิริราชสมบัติ 15 ปี